สโมสรเรอัลมาดริด “ราชันชุดขาว” สโมสรฟุตบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศสเปน

สโมสรเรอัลมาดริด “ราชันชุดขาว” ทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

สโมสรเรอัลมาดริด Real Madrid Club de Fútbol หรือที่รู้จักกันในชื่อ เรอัลมาดริด “ราชันชุดขาว” สโมสรฟุตบอลอาชีพ ที่เรียกว่ามีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งอยู่ในประเทศสเปน ตั้งอยู่ที่กรุงมาดริดเมืองหลวงของประเทศ สโมสรเรอัลมาดริด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1902 เล่นในลาลีกาและเป็นหนึ่งใน สโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ในวงการฟุตบอลศตวรรษที่ 20

โดยราชันชุดขาวสามารถคว้าแชมป์ลาลีกาได้ทั้งสิ้น 31 สมัย ถ้วยโกปาเดลเรย์ 17 ครั้ง และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 9 สมัย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของรายการ นอกจากนั้น เรอัลมาดริดยังได้เป็นสมาชิกของกลุ่มจี-14 ซึ่งเป็นกลุ่มของสโมสรฟุตบอลชั้นนำของยุโรปอีกด้วย

สนามเหย้าของสโมสรคือ สนามซานเตียโก เบร์นาเบว อันมีชื่อเสียงแห่งกรุงมาดริด เรอัลมาดริดเป็นสโมสรที่มีหุ้นส่วน socios เป็นเจ้าของและเป็นผู้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1902 ซึ่งแตกต่างกับสโมสรส่วนใหญ่ และเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 2000 ฟีฟ่าได้จัดให้เรอัลมาดริดเป็นสโมสรที่ดีที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20

สโมสรเรอัลมาดริด นั้นเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ รายการแข่งขันของยูฟ่าด้วยการคว้า แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 9 สมัยและยูฟ่าคัพ 2 สมัย ซึ่งมากกว่าสโมสรอื่นๆทุกสโมสร มีเพียงโทรฟียุโรปเดียวที่เรอัลมาดริดยังไม่เคยได้นั่นก็คือ ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ

ซึ่งมีสิทธิ์เล่น 2 ครั้งแต่ก็พ่ายไปทั้งสองนัดโดยครั้งแรกแพ้ให้กับเชลซี 2-1 ในปี ค.ศ. 1971 และเสมอ 1-1 ในนัดแรกก่อนที่จะแพ้ 1-0 ในนัดที่สองให้กับแอเบอร์ดีนด้วยประตูรวม 2-1 ในปี ค.ศ. 1983

สโมสรฟุตบอลอาชีพ เรอัลมาดริดยังเป็นสโมสรที่ใหญ่ที่สุด และได้รับความนิยมสูงสุดในโลกจากกรณีศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี ค.ศ. 2007 และยังเป็นสโมสรที่ทำรายได้มากที่สุดในโลกอีกด้วย เรอัลมาดริดเคยเดินทางมาเตะกับทีมชาติไทยในวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2548 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ผลการแข่งขันเรอัลมาดริดชนะไป 2-1 ประตู

สโมสรเรอัลมาดริด

ประวัติความเป็นมมาของ สโมสรเรอัลมาดริด สโมสรฟุตบอลที่ดีที่สุด

ต้นกำเนิดของ สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด สโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ต้องย้อนกลับไปในช่วงที่กีฬาฟุตบอลได้ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในกรุงมาดริด โดยนักวิชาการและนักศึกษาของ อินสตีตูซีชัน ลีแบร์ เดอ เอนเซนานซา ซึ่งรวมถึงนักคึกษาของมหาวิทยาลัยเคมบริดจฺ์ และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆที่สำเร็จการศึกษา พวกเขาร่วมตัวกันสร้างสโมสรฟุตบอลขึ้นในปีค.ศ. 1897 โดยเล่นกันประจำในวันอาทิตย์ตอนเช้าที่ มอนโกลา

และต่อมาก็ได้มีการแยกตัวออกเป็น 2 สโมสร ในปี ค.ศ. 1900 โดยสโมสรหลักของกรุงมาดริดที่ผู้คนนิยมสนับสนุนได้มีชื่อว่า นิว ฟุตบอล เด มาดริด และอีกสโมสรหนึ่งคือ กลุบ เอสปาญอล เดอ มาดริด ในวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1902

หลังจากที่คณะกรรมการใหม่อย่าง ควน ปาดรอส ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานสดมสรคนแรกของสโมสร และเป็นวันที่ก่อตั้งสโมสรอย่างเป็นทางการ และในสามปีหลังจากที่สโมสรมาดริดก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1905 สโมสรมาดริดสามารถชนะครั้งแรกในเกมส์การแข่งขันที่พบกับ แอทเลติกบิลบาโอ ในการแข่งขันสเปนนิชคัพ รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งทำให้สโมสรก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลสเปนที่ได้เข้าร่วม สหพันธ์ฟุตบอลแห่งสเปน

ในวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 1909 เมื่อประธานสโมสร “อาโดลโฟ เมเลนเดซ” ลงนามข้อตกลงตามรากฐานของสเปนเอฟเอคัพ หลังจากย้ายสนามของทีมไปอยู่ที่ “คัมป์โป เดอ ดอนเนลล์” ในปี ค.ศ. 1912 ทำให้ต่อมาในปี ค.ศ. 1920 ทางสโมสรก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “เรอัลมาดริด” หลังจากที่ สมเด็จพระเจ้าอัลฟองโซที่ 13 แห่งสเปน รับตำแหน่งรอยัลของสโมส เพราะพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 13 แห่งสเปน ได้มอบตำแหน่งที่เรียกว่า “Real” ให้แก่สโมสร

สโมสรเรอัลมาดริด

ความสำเร็จสูงสุดของ สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด แห่งศตวรรษที่ 20

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2000 สโมสรเรอัลมาดริด ได้แต่งตั้งประธานสโมสรคนใหม่คือ “โฟลเรนตีโน เปเรซ” และยังได้ถูกรับเลือกว่าเป็นนักธุรกิจชาวสเปนที่รวยที่สุดในประเทศสเปน ณ เวลานั้น เขาจัดการสรรหาดาวผู้เล่นที่นักข่าวสเปนเรียกว่า ลอส กาลาตีกอส โดยมีชื่อนักเตะชื่อดังในยุคนั้นไม่ว่าจะเป็น ซีเนดีน ซีดาน, โรนัลโด, เดวิด เบคแฮม, ฟาบีโอ กันนาวาโร, หลุย์ ฟิโก้, โรแบร์โต้ คาร์ลอต และ ราอูล กอนซาเลซ

ในช่วงฤดูร้อนของปี ค.ศ. 2003 หลังจากคว้าแชมป์ลาลิกาได้อีกหนึ่งสมัย โฟลเรนตีโน เปเรซ และ คณะกรรมการด้านฝ่ายบริหารของสโมสรได้ปฏิเสธการต่อสัญญาฉบับใหม่ของ บีเซนเต เดล โบสเก หลังจากที่เกิดความคัดแย้งกับกัปตันทีมของสโมสร เฟร์นันโด เฮียร์โร

ที่จะย้ายออกจากสโมสรและเซ็นสัญญากับผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกส การ์รอส เกวรีออซ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมด้วยสัญญาคุมทีม 1 ฤดูกาล ซึ่งเกวรีออซก็สามารถนำสโมสรคว้าแชมป์ ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา ได้หนึ่งสมัยก่อนจะหมดสัญญากับสโมสร ในช่วงฤดูกาล 2005-2006 สโมสรได้ซื้อผู้เล่นคนใหม่เข้ามาเสริมทัพมากมาย เช่น จูลีโอ บาปติสตา ค่าตัว20 ล้านยูโร, โรบินยู 30 ล้านยูโร และ เซร์คีโอ ราโมส 30 ล้านยูโร

ในปี ค.ศ. 2006 สโมสรได้แต่งตั้งประธานสโมสรคนใหม่แทนเปเรซคือ “รามอน กัลเดรอน” และสโมสรสามารถกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในรายการลาลิกา ด้วยฝีมือการคุมทีมของ ฟาบีโอ กาเปลโล ที่ตัดสินใจกลับมาคุมทีมอีกครั้ง โดยในฤดูกาลนี้สโมสรขายนักเตะชื่อดังหลายคนไปมากมายไม่ว่าจะเป็น เดวิด เบคแฮม, หลุย์ ฟิโก้, โรนัลโด และซีเนดีน ซีดาน ที่ได้ขอเลิกเล่นฟุตบอลกับสโมสรแล้วแขวนสตัดไป

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2009 โฟลเรนตีโน เปเรซ อดีตประธานคนเก่าของสโมสรได้กลับมารับดำรงตำแหน่งประธานสโมสรอีกครั้ง โดยการกลับมาในครั้งนี้เปเรซมีแผนที่จะสร้าง กาลักตีโกส ซึ่งเป็นนโยบายการซื้อนักเตะที่มีทักษะและฝีมือชั้นยอดเข้ามาสู่สโมสร

โดยคนแรกที่เข้าซื้อมาคือ กาก้า กองกลางตัวรุกจากเอซี มิลาน ด้วยค่าตัว 65 ล้านยูโร และ “คริสเตียโน โรนัลโด” ปีกริมเส้นจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 80 ล้านยูโร และได้เซ็นสัญญากับ มานวยล์ เปเยกรีนี ผู้จัดการทืมชาวชิลีเป็นเวลาหนึ่งฤดูกาล ซึ่งเปเยกรีนีก็ทำผลงานได้ดีในการคุมสโมสรด้วยการจบอันดับที่ 2 ในลาลิกา รู้หรือไม่ว่า “คริสเตียโน โรนัลโด” ผู้เล่นคนแรกที่ยิงประตูคู่แข่งทั้ง 19 สโมสรในฤดูกาลเดียวได้เป็นคนแรก

สโมสรเรอัลมาดริด

สนามประจำสโมสรของ “ราชันชุดขาว”

สำหรับสนามประจำของ สโมสรฟุตบอลอาชีพ ก็คือสนาม “ซานเตียโก เบร์นาเบว” (Estadio Santiago Bernabéu) เป็นสนามฟุตบอลที่มีชื่อเสียงในกรุงมาดริด ประเทศสเปน เป็นสนามเหย้าของ สโมสรฟุตบอลอาชีพ เรอัลมาดริด สโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด เริ่มเปิดใช้สนามเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 1944 เดิมมีชื่อว่า สนามกีฬาชามาร์ติน (Estadio Chamartín) ตามชื่อของสนามเดิมของสโมสร

ซึ่งเปิดใช้สนามอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 1947 เรอัลมาดริดได้ประกาศใช้ชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือสนามกีฬาซานเตียโก เบร์นาเบว เมื่อวันที่ 4 มกราคม 1955 เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานสโมสรคือ ซานเตียโก เบร์นาเบว เยสเต (Santiago Bernabéu Yeste)

สนามแห่งนี้สามารถจุผู้ชมได้มากที่สุดถึง 120,000 คน หลังจากที่มีการต่อขยายในปี ค.ศ. 1953 หลังจากนั้นก็มีการลดจำนวนความจุลงเนื่องจากต้องการเปลี่ยนแปลงสนามให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยบริเวณตั๋วยืนนั้นได้ยกเลิกไปในฤดูกาล 1998/99 ตามกฎของยูฟ่า

ที่ไม่ให้มีการยืนชมเกมในขณะที่มีการแข่งขันในรายการของยูฟ่า ufabet การเปลี่ยนแปลงสนามครั้งล่าสุดคือการเพิ่มความจุอีก 5,000 ที่นั่งรวมเป็น 80,400 ที่นั่งในปี ค.ศ. 2003 และกำลังมีแผนที่จะเพิ่มเติมหลังคาลงไปอีกด้วย

“เรอัลมาดริด” สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่าได้จำนวนมากที่สุด 15 ครั้ง พร้อมกับรองแชมป์อีกจำนวนอีก 3 ครั้ง แถมยังเป็นสโมสรที่สามารถคว้าแชมป์การแข่งขันยูฟ่าได้สูงสุดถึง 3 สมัยติดกันอีกด้วย

ไม่เพียงแค่นั้น “เรอัล มาดริด” ยังครองสถิติทีมฟุตบอลที่เข้าร่วมศึก ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก มากที่สุดถึง 47 ฤดูกาล โดยลงเล่นมากที่สุดด้วยจำนวน 455 เกม และเก็บชัยชนะมากที่สุดถึง 271 เกม

สโมสรเรอัลมาดริด