สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก สโมสรกีฬาอาชีพของประเทศเยอรมนี
สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก หรือ สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมึนเชิน (เยอรมัน: FC Bayern München) เป็นสโมสรกีฬาอาชีพของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ที่นครมิวนิก รัฐไบเอิร์น อีกชื่อหนึ่งอาจเรียกว่า บาวาเรียมิวนิก หรือ ไบเอิร์น
โดยมีสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงซึ่งประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศ ปัจจุบันเล่นอยู่ในบุนเดิสลีกา ลีกสูงสุดของฟุตบอลเยอรมนี พวกเขาเป็นเจ้าของสถิติชนะเลิศลีกสูงสุด 32 สมัย และทำสถิติชนะเลิศติดต่อกัน 10 สมัยตั้งแต่ ค.ศ. 2013–2022 และยังชนะเลิศรายการเดเอ็ฟเบ-โพคาล สูงสุด 20 สมัย รวมทั้งถ้วยยุโรปอีกหลายรายการ
ภายหลังจากชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกใน ค.ศ. 2020 ไบเอิร์นมิวนิกกลายเป็นสโมสรที่สองในประวัติศาสตร์ที่คว้าหกถ้วยรางวัลได้ในหนึ่งปีปฏิทิน พวกเขายังเป็นหนึ่งในห้าสโมสรที่ชนะเลิศการแข่งขันรายการหลักของยูฟ่าครบทั้งสามรายการ (ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, ยูฟ่าคัพ และ ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ)
รวมทั้งเป็นสโมสรเดียวของเยอรมนีที่ทำได้ ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2022 สโมสรอยู่ในอันดับหนึ่งจากการจัดอันดับโดยยูฟ่า ไบเอิร์นมิวนิกมีสโมสรคู่อริในภูมิภาคมาอย่างยาวนานได้แก่ เทเอ็สเฟา 1860 มึนเชิน และ แอร์สเทอ เอ็ฟเซ เนือร์นแบร์ค รวมถึงการเป็นอริกับ โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ มาตั้งแต่กลางทศวรรษ 1990 สโมสรยังมีวัฒนธรรมในการใช้ผู้เล่นทีมชาติเยอรมนีเป็นแกนหลัก รวมถึงการพัฒนาระบบเยาวชนอย่างแข็งแกร่งซึ่งส่งผลต่อรากฐานของทีมชาติชุดใหญ่
คำขวัญประจำสโมสรคือ “Mia San Mia” แปลว่า “เรา คือ เรา” นับตั้งแต่ฤดูกาล 2005–2006 สโมสรลงเล่นที่สนามอัลลีอันทซ์อาเรนา แทนสนามเดิมคือ โอลึมพีอาชตาดีอ็อน ซึ่งถูกใช้งานมา 33 ปี สีประจำสโมสรคือสีแดงและสีขาว และตราสโมสรเป็นสัญลักษณ์ของธงรัฐไบเอิร์นซึ่งเป็นสีฟ้าและขาว
ในแง่ของผลประกอบการ ไบเอิร์นมิวนิกถือเป็นสโมสรกีฬาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเยอรมนี และเป็นสโมสรฟุตบอลที่ทำรายรับได้มากเป็นอันดับสามของโลก เป็นรองเพียงบาร์เซโลนา และ เรอัลมาดริด ด้วยมูลค่า 634.1 ล้านยูโรใน ค.ศ. 2021 ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2019 สโมสรมีสมาชิกกว่า 293,000 ราย สโมสรยังมีชื่อเสียงในกีฬาประเภทอื่น ๆ อาทิ หมากรุก, แฮนด์บอล, บาสเกตบอล, ยิมนาสติก, โบว์ลิ่ง และ เทเบิลเทนนิส
สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก จุดเริ่มต้นการมีชื่อเสียง
สโมสรก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1900 โดยกลุ่มนักฟุตบอล 11 คน นำโดย ฟรันทซ์ จอห์น แม้ไบเอิร์นมิวนิกจะชนะเลิศลีกสูงสุดสมัยแรกใน ค.ศ. 1932 ทว่าสโมสรกลับไม่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมแข่งขันฤดูกาลแรกของลีกบุนเดสลีกาใน ค.ศ. 1963 ไบเอิร์นมิวนิกประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงกลางทศวรรษ 1970 ภายใต้การนำของกัปตันทีมอย่าง ฟรันทซ์ เบ็คเคินเบาเออร์ ผู้พาสโมสรชนะเลิศยูโรเปียนคัพ 3 สมัยติดต่อกันระหว่าง ค.ศ. 1974–76
ไบเอิร์นมิวนิก ยังถือเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในทวีปยุโรป พวกเขาชนะเลิศการแข่งขันยูโรเปียนคัพ/ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 6 สมัย นับเป็นสถิติสูงสุดของสโมสรในเยอรมนี โดยชนะเลิศครั้งล่าสุดใน ค.ศ. 2020 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่พวกเขาคว้าสามถ้วยรางวัล ทำสถิติเป็นสโมสรที่สองของทวีปยุโรป ที่ชนะเลิศการแข่งขันสามถ้วยรางวัลในฤดูกาลเดียวกันได้สองครั้ง
หลังเคยทำได้ใน ค.ศ. 2013 สโมสรยังชนะเลิศยูฟ่าคัพ 1 สมัย, ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย และ ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2 สมัย ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปและอเมริกาใต้ 2 สมัย และ ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก อีก 2 สมัย ส่งผลให้พวกเขาเป็นสโมสรเดียวของเยอรมนีที่ชนะการแข่งขันระดับโลกได้สองรายการ
ผู้เล่นของไบเอิร์นมิวนิคได้รับรางวัลบาลงดอร์รวมกัน 5 สมัย, รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีของฟีฟ่า 2 สมัย, รางวัลรองเท้าทองคำยุโรป 4 สมัย และ รางวัลผู้เล่นชายยอดเยี่ยมประจำปีของยูฟ่าอีก 3 สมัย รวมทั้งรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า
มาทำความรู้จัก สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก ทีมยิ่งใหญ่
ไบเอิร์นมิวนิกก่อตั้งขึ้นภายในสโมสรกีฬายิมนาสติก (MTV 1879) ของเมืองมิวนิกเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1900 สมาคมฟุตบอลเยอรมนี มีมติห้ามไม่ให้นักฟุตบอลจากสโมสรดังกล่าวเข้าร่วมการแข่งขัน ทำให้นักเตะจำนวน 11 คนตัดสินใจออกจากสโมสร แล้วมาก่อตั้งสโมสรใหม่ในชื่อ สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก และเพียงไม่กี่เดือนหลังจากนั้น
ไบเอิร์นมิวนิกก็ชนะคู่แข่งในท้องถิ่นด้วยผลประตูขาดลอยรวมถึงการเอาชนะทีมเอฟเซนอร์ทเทิร์นด้วยผลประตู 15–0 และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศรายการ เซาท์ เยอรมัน แชมป์เปียนชิพ ฤดูกาล 1900–01 ฤดูกาลถัดมาสโมสรสามารถคว้าถ้วยรางวัลระดับท้องถิ่นหลายรายการ
ถัดมาในฤดูกาล 1910–11 สโมสรได้เข้าร่วมก่อตั้งลีกใหม่ของรัฐไบเอิร์นคือ เครียส์ลีกา โดยได้แชมป์ในฤดูกาลแรก แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้แชมป์อีกเลยกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งขึ้น การแข่งขันทุกอย่างก็หยุดชะงักลงแต่ในช่วงสิ้นสุดทศวรรษแรกของการก่อตั้งสโมสรนั้น
ไบเอิร์นมิวนิคสามารถดึงดูดผู้เล่นทีมชาติเยอรมนีคนแรกเข้าสู่ทีมได้ซึ่งก็คือ Max Gaberl Gablonsky และใน ค.ศ. 1920 สโมสรมีสมาชิกกว่า 700 รายส่งผลให้พวกเขากลายเป็นสโมสรฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในมิวนิก
หลังสงครามสิ้นสุด สโมสรได้แชมป์ในระดับภูมิภาคหลายครั้ง ก่อนจะได้แชมป์ เซาท์ เยอรมัน แชมป์เปียนชิพใน ค.ศ. 1926 และทำได้อีกครั้งในสองปีต่อมา และได้แชมป์ระดับชาติครั้งแรก
ใน ค.ศ. 1932 เมื่อผู้ฝึกสอน ริชาร์ด คอห์น นำทีมเอาชนะ ไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท 2–0 ในรายการชิงแชมป์เยอรมัน ภายหลังการกำเนิดลัทธินาซีขึ้น ทำให้ผู้จัดการทีม และผู้เล่นหลายรายต้องหลบหนีออกจากประเทศ จนมีคำกล่าวว่า ไบเอิร์นมิวนิคคือทีมของคนยิว ในขณะที่คู่แข่งร่วมเมืองอย่าง เทเอ็สเฟา 1860 มึนเชิน กลับได้รับการสนับสนุนจากแฟนฟุตบอลเป็นจำนวนมาก
หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ไบเอิร์นมิวนิกได้เข้าร่วมการประชุมการก่อตั้งโอเบอร์ลีกา โดยแบ่งลีกออกเป็น 5 ส่วน ในช่วง ค.ศ. 1945–63 พวกเขาเปลี่ยนผู้ตัดการทีมถึง 13 คน หลังจากที่ แลนเดอร์ กลับจากการลี้ภัยสงคราม
ใน ค.ศ.1947 ก็กลับมาเป็นประธานสโมสรอีกครั้ง สโมสรประสบปัญหาทางการเงินใน ค.ศ. 1950 โรแบนด์ เอนเดลอร์ ได้หาเงินทุนมาสนับสนุนทีมเป็นเวลา 4 ปี ใน ค.ศ.1963 โอเบอร์ลีกา ถูกรวมลีกเป็นลีกแห่งชาติแค่ลีกเดียว โดยคัดเอา 5 อันดับแรกจากตารางคะแนน
ไบเอิร์นมิวนิก อยู่อันดับ 3 และ 1860 มิวนิกเป็นแชมป์โอเบอร์ลีกา ทางสมาคมเห็นว่าในหนึ่งเมืองควรมีสโมสรฟุตบอลแค่ทีมเดียว จึงตัดสิทธิไบเอิร์นมิวนิกออกจากบุนเดิสลีกา อย่างไรก็ตามในสองปีต่อมา ทีมก็เลื่อนชั้นสู่บุนเดิสลีกาได้สำเร็จด้วยการนำทีมของนักเตะระดับตำนานอย่าง ฟรันทซ์ เบ็คเคินเบาเออร์, แกร์ท มึลเลอร์ และ เซฟฟ์ เมียเออร์
การบริหารสโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก
เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ไบเอิร์นมิวนิกเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนนั้น เป็นผลมาจากการบริหารจัดการอย่างเป็นมืออาชีพ สโมสรมักใช้อดีตผู้เล่นสำคัญของสโมสรเข้ามาบริหารทีม
โดยมีการแบ่งหน้าที่ของฝ่ายบริหารออกเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน กลุ่มแรกได้แก่ ผู้บริหารซึ่งทำหน้าที่ดูแลด้านฟุตบอลซึ่งมีบุคคลสำคัญ อาทิ อูลี เฮอเนส, คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเกอ, ฮาซาน ซาลิฮามิดชิช รวมถึง อ็อลลีเวอร์ คาห์น ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารคนปัจจุบัน
โดยฝ่ายบริหารกลุ่มนี้จะทำหน้าที่ในการซื้อขายนักเตะ รวมถึงการเลือกผู้จัดการทีม สาเหตุที่ไบเอิร์นมิวนิกมักใช้อดีตผู้เล่นของสโมสร และทีมชาติเยอรมนีเข้ามาดูแลด้านฟุตบอลนั้น เนื่องจากประสบการณ์ในฐานะนักเตะอาชีพมีส่วนช่วยในการบริหารได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ สโมสรยังมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินเข้ามาดูแลสโมสรโดยเฉพาะ อาทิ ทิโมธีส เฮิทเทส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของด็อยท์เชอเทเลอค็อม ไบเอิร์นมิวนิกแบ่งสัดส่วนการถือครองหุ้นสโมสรออกเป็นสี่ส่วนได้แก่ หุ้นที่สโมสรและกลุ่มผู้สนับสนุน (แฟนฟุตบอล) ถือครองร่วมกันคิดเป็น 75% และอีก 25% ที่เหลือนั้น
เป็นการแบ่งกันระหว่างสามบริษัทใหญ่อย่าง อลิอันซ์, อาวดี้ และ อาดิดาส ซึ่งล้วนแต่เป็นแบรนด์ระดับโลก ซึ่งจะเป็นการรับรองได้ว่าฐานะการเงินของสโมสรย่อมมีความมั่นคงเป็นอันดับต้นๆ สโมสรหนึ่งของโลกและแทบจะไม่มีโอกาสล้มละลาย โดยอาดิดาสเข้าถือครองหุ้นใน ค.ศ. 2002 ด้วยมูลค่า 77 ล้านยูโร
ตามมาด้วยอาวดี้ใน ค.ศ. 2009 มูลค่า 90 ล้านยูโร และใน ค.ศ. 2014 อลิอันซ์เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นร่วมรายล่าสุดด้วยมูลค่ากว่า 110 ล้านยูโร พวกเขาเป็นสโมสรฟุตบอลที่ทำรายรับได้มากเป็นอันดับสามของโลก เป็นรองเพียงบาร์เซโลนา และ เรอัลมาดริด ด้วยมูลค่า 634.1 ล้านยูโรใน ค.ศ. 2021
สถิติในทีมสโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก ที่สร้างผลงานสุดประทับใจ
- นักฟุตบอลที่ลงเล่นมากที่สุด: เซปป์ ไมเออร์ (536 นัด)
- นักฟุตบอลที่ทำประตูรวมสูงสุด: แกร์ด มึลเลอร์ (563 ประตู)
- นักฟุตบอลที่ทำประตูในบุนเดิสลีกาสูงสุด: แกร์ด มึลเลอร์ (398 ประตู)
- ชนะในบุนเดิสลีกาสูงสุด: ไบเอิร์นมิวนิก 11–1 โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ (บุนเดิสลีกา, 27 พฤศจิกายน 1971)
- แพ้ในบุนเดิสลีกาสูงสุด: ไบเอิร์นมิวนิก 0–7 ชัลเคอ 04 (บุนเดิสลีกา, 9 ตุลาคม 1976)
- ผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด: อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ (ชนะเลิศถ้วยรางวัล 14 รายการ, 1998–2004 และ 2007–08)
นอกจากนี้ ไบเอิร์นมิวนิกยังเป็นเจ้าของสถิติสำคัญในประเทศหลายรายการได้แก่:
- ชนะเลิศฟุตบอลบุนเดิสลีกา (32 สมัย) และ เดเอ็ฟเบ-โพคาล (20 สมัย) มากที่สุด
- ชนะเลิศบุนเดิสลีกาติดต่อกันมากที่สุด (10 สมัย ค.ศ. 2013–ปัจจุบัน)
- เป็นหนึ่งในสองสโมสรที่ลงเล่นในบุนเดิสลีกามากที่สุด (58 ฤดูกาล, ร่วมกับ เอ็สเฟา แวร์เดอร์เบรเมิน)
- เป็นสโมสรที่ลงเล่นในบุนเดิสลีกาติดต่อกันมากที่สุดจำนวน (58 ฤดูกาล)
- มีคะแนนรวมในบุนเดิสลีกาสูงที่สุด (3,924 คะแนน)
- ชนะในบุนเดิสลีกาด้วยจำนวนนัดที่มากที่สุด (1,168 นัด)
- ทำประตูรวมในบุนเดิสลีกามากที่สุด (4,329 ประตู)
- มีผลต่างระหว่างประตูได้/เสียที่ดีที่สุดในบุนเดิสลีกา (2,215 ประตู)
- ทำคะแนนในการแข่งขันบุนเดิสลีกาในหนึ่งฤดูกาลได้สูงที่สุด (91 คะแนน, ฤดูกาล 2012–13)
- ชนะในบุนเดิสลีกาในหนึ่งฤดูกาลมากที่สุด (29 นัด, ฤดูกาล 2012–13 และ 2013–14)
- ทำประตูในบุนเดิสลีกาในหนึ่งฤดูกาลได้มากที่สุด (101 ประตู, ฤดูกาล 1971–72)
ติดต่อเราได้ที่ : @LINE