ศึกสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด สโมสรแรกแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สร้างชื่อเสียงที่โด่งดัง

ศึกสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด เป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด

ศึกสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด (สเปน: Real Madrid Club de Fútbol) เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศสเปน ตั้งอยู่ที่กรุงมาดริด ปัจจุบันเล่นอยู่ในลาลิกา ลีกสูงสุดของฟุตบอลสเปน สโมสรก่อตั้งขึ้นในค.ศ. 1902 โดยเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในทวีปยุโรปชื่อ”เรอัล”เป็นตำแหน่งที่ได้รับพระราชทานจากพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 13 แห่งสเปน

ใน ค.ศ. 1920 ซึ่งมีความหมายว่า”ของกษัตริย์หรือของหลวง“และยังเป็นที่มาของมงกุฏซึ่งปรากฏในตราสัญลักษณ์ของสโมสร มีสนามเหย้าคือซานเตียโก เบร์นาเบว และสีประจำสโมสรคือสีขาว เป็นหนึ่งในสโมสรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

เรอัลมาดริดเป็นสโมสรที่มีหุ้นส่วน (socios) เป็นเจ้าของ และเป็นผู้ดำเนินการมาตั้งแต่ค.ศ. 1902 ซึ่งแตกต่างกับสโมสรส่วนใหญ่ และเป็นสโมสรที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยที่สุดสโมสรหนึ่งของโลกรวมทั้งเป็นสโมสรที่มีมูลค่าทีมสูงที่สุดในโลกจำนวน 5.1 พันล้านดอลลาร์ในค.ศ. 2022และมีรายรับกว่า 750 ล้านยูโร

ในค.ศ. 2019เรอัลมาดริดเป็นหนึ่งในสามสโมสรผู้ร่วมก่อตั้งลาลิกาซึ่งไม่เคยตกชั้นจากลีกสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งลีกในค.ศ. 1929 ร่วมกับอัตเลติกเดบิลบาโอและบาร์เซโลนา สโมสรมีคู่ปรับสำคัญคือบาร์เซโลนาและอัตเลติโกเดมาดริด โดยการแข่งขันถือเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่เรียกว่าเอลกลาซิโกและเดร์บิมาดริเลญโญ

ศึกสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด

ศึกสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด จุดเริ่มต้น

เรอัลมาดริดเริ่มครองความยิ่งใหญ่ในประเทศได้ตั้งแต่ยุคแรกๆ ของการก่อตั้งลาลิกา และกลายเป็นทีมชั้นนำของวงการฟุตบอลยุโรปอย่างเต็มตัว ในช่วงทศวรรษ 1950 โดยประสบความสำเร็จทั้งในการแข่งขันภายในประเทศและระดับทวีปสโมสรชนะเลิศยูโรเปียนคัพ 5 สมัยติดต่อกันรวมทั้งชนะเลิศลาลิกา 4 สมัยในช่วงเวลานี้

ต่อมาในทศวรรษ 1960 สโมสรชนะเลิศลาลิกาได้ถึง 8 สมัยจาก 10 ฤดูกาล โดยในยุคนั้นทีมมีผู้เล่นชั้นนำได้แก่ อัลเฟรโด ดิ เอสเตฟาโน,แฟแร็นตส์ ปุชกาช,ปาโก เฆนโต และเรมง โกปา ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดตลอดกาล

ในการแข่งขันภายในประเทศ เรอัลมาดริดชนะเลิศถ้วยรางวัล 68 รายการประกอบด้วยสถิติชนะเลิศลาลิกา 35 สมัย,โกปาเดลเรย์ 19 สมัย,ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา 12 สมัย รวมทั้งโกปาเอบาดัวร์เตและโกปาเดลาลิกา ในการแข่งขันระดับทวีปและระดับโลก

พวกเขาชนะเลิศการแข่งขัน 28 รายการ ประกอบด้วยสถิติชนะเลิศยูโรเปียนคัพ/ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 14 สมัย,ยูฟ่าคัพ 2 สมัย,ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 5 สมัย (สถิติสูงสุด),อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 3 สมัย(สถิติสูงสุด)และฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 4 สมัย(สถิติสูงสุด)

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 2000 ฟีฟ่าได้ประกาศให้เรอัลมาดริดเป็นสโมสรที่ดีที่สุดแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 20และยังได้รับรางวัลสโมสรผู้ทรงอิทธิพลและทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 20 (FIFA Centennial Order of Merit)ในวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2004 รวมทั้งรางวัลสโมสรยุโรปยอดเยี่ยม

จากสหพันธ์ประวัติศาสตร์และสถิติฟุตบอลระหว่างประเทศในค.ศ. 2010 ต่อมา ในเดือนมิถุนายนค.ศ. 2017 เรอัลมาดริดสร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรแรกที่สามารถป้องกันแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อการแข่งขันมาจากยูโรเปียนคัพ

และในเดือนพฤษภาคม 2018 สโมสรทำสถิติชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ 4 สมัยในรอบ 5 ปี และในค.ศ. 2022 เรอัลมาดริดได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับสี่ตามค่าสัมประสิทธิ์สโมสรฟุตบอลของยุโรป ต่อจากไบเอิร์นมิวนิก,แมนเชสเตอร์ซิตีและลิเวอร์พูล แทงบอลโลก

ศึกสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด

มาทำความรู้จักศึกสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ความสำเร็จในยุโรป

ต้นกำเนิดของสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดต้องย้อนกลับไปในช่วงที่กีฬาฟุตบอลได้ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในกรุงมาดริด โดยนักวิชาการและนักศึกษาของโครงการสถาบันการศึกษาเสรี (Institución Libre de Enseñanza) ซึ่งมีผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และออกซ์ฟอร์ดรวมอยู่ด้วย

พวกเขารวมตัวกันสร้างสโมสร ฟุตบอลคลับสกาย ขึ้นในปี 1897 โดยเล่นกันประจำในวันอาทิตย์ตอนเช้าที่ย่านมองโกลอา และต่อมาได้มีการแยกตัวออกเป็น 2 สโมสรในปี 1900 ได้แก่ นิว-ฟุตบอลเดมาดริด (New Foot-Ball de Madrid) และ กลุบเอสปัญญอลเดมาดริด (Club Español de Madrid)

ในวันที่ 6 มีนาคม 1902 หลังจากที่คณะกรรมการชุดใหม่ (ซึ่งมีฆวน ปาโดรส เป็นประธาน) ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา สโมสรฟุตบอลมาดริดจึงได้รับการก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการสามปีหลังหลังจากที่ก่อตั้งสโมสรขึ้นได้สามปีใน 1905 สโมสรมาดริดสามารถคว้าแชมป์การแข่งขันได้เป็นครั้งแรกหลังจากเอาชนะอัตเลติกเดบิลบาโอไปในการแข่งขันสแปนิชคัพรอบชิงชนะเลิศ

สโมสรกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกก่อตั้งราชสหพันธ์ฟุตบอลสเปนในวันที่ 4 มกราคม 1909 เมื่อประธานสโมสร อาดอลโฟ เมเลนเดซ ได้ลงนามข้อตกลงตามรากฐานของสเปนเอฟเอคัพ หลังจากเปลี่ยนสถานที่ฝึกซ้อมอยู่หลายแห่งใน 1912 สโมสรก็ได้เปิดใช้สนามของตนเองเป็นครั้งแรกที่กัมโปเดโอโดเนล (Campo de O’Donnell)

และในปี 1920 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น เรอัลมาดริด (Real Madrid) หลังจากที่พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 13 แห่งสเปน ได้พระราชทานตำแหน่ง “เรอัล” (ในภาษาสเปนแปลว่าของกษัตริย์หรือของหลวง) ให้กับสโมสรพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 13 แห่งสเปน

ในปี 1929 ได้มีการก่อตั้งระบบการแข่งขันระหว่างสโมสรในสเปนขึ้นเป็นครั้งแรก เรอัลมาดริดครองอันดับที่ 1 มาตลอดในช่วงแรกของฤดูกาลจนมาถึงนัดสุดท้ายซึ่งแพ้ให้กับอัตเลติกเดบิลบาโอ ทำได้แค่รองแชมป์โดยบาร์เซโลนาคว้าแชมป์ไปก่อนที่พวกเขาจะได้แชมป์ลีกครั้งแรกในฤดูกาล 1931–32 และในปีถัดมา พวกเขาก็สามารถป้องกันแชมป์ได้อีกครั้ง ส่งผลให้เรอัลมาดริดเป็นทีมแรกในสเปนที่คว้าแชมป์ติดต่อกันสองสมัย

ในวันที่ 14 เมษายน 1931 สเปนเปลี่ยนไปใช้การปกครองระบอบสาธารณรัฐอีกครั้ง เมื่อไม่มีกษัตริย์เป็นผู้อุปถัมภ์ เรอัลมาดริดจึงพ้นจากตำแหน่งสโมสรหลวงและเปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อสโมสรฟุตบอลมาดริดตามเดิม การแข่งขันฟุตบอลยังคงดำเนินต่อไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และในวันที่ 13 มิถุนายน 1943 พวกเขาเอาชนะบาร์เซโลนาไปถึง 11–1 ในรอบรองชนะเลิศ

ในการแข่งขันโกปาเดลเฆเนราลิซิโม (โกปาเดลเรย์หรือ “ถ้วยรางวัลของกษัตริย์” ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “ถ้วยรางวัลของจอมพล” เพื่อเป็นเกียรติแก่นายพลฟรังโก) อย่างไรก็ตาม มีการชี้ให้เห็นว่า ผู้เล่นของบาร์เซโลนาถูกข่มขู่จากตำรวจ

และจากผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคงของรัฐที่ “ถูกอ้างว่า ได้บอกกับสโมสรว่า นักฟุตบอลบางคน [ของบาร์เซโลนา] ได้ลงเล่นก็เพราะความใจกว้างของรัฐบาลที่อนุญาตให้พวกเขายังอยู่ในประเทศได้เท่านั้น”และประธานสโมสรบาร์เซโลนา เอนริก ปิญเญย์โร ก็ถูกแฟนบอลมาดริดทำร้ายร่างกายด้วย

ศึกสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด

ศึกสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ความสำเร็จอย่างยั่งยืน

ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เรอัลมาดริดสูญเสียความเข้าใจในตำแหน่งลีกาจนกระทั่งกลุ่มดาวดวงใหม่ที่เติบโตในบ้านนำความสำเร็จในประเทศกลับมาสู่สโมสร สเปนกีฬานักข่าว Julio Cesar Iglesias ให้กับรุ่นนี้ชื่อลาควินต้าเดล Buitre ( “อีแร้งของหมู่”)

ซึ่งได้มาจากชื่อเล่นให้กับหนึ่งในสมาชิกของเอมิลิโอButragueño อีกสี่สมาชิกManolo Sanchis,MartínVázquez,Míchelและมีเกลพาร์ดซา;ทั้งห้านักฟุตบอลที่มีผู้สำเร็จการศึกษาจากเรอัลมาดริดวัยเรียน กับLa Quinta del Buitre (ลดลงเหลือสมาชิกสี่คนเมื่อ Pardeza ออกจากZaragozaในปี 1986)

และผู้เล่นที่มีชื่อเสียงเช่นผู้รักษาประตูFrancisco Buyo,Miguel Porlán Chendo แบ็กขวาและกองหน้าชาวเม็กซิกันHugo Sánchezเรอัลมาดริดมีหนึ่งใน ทีมที่ดีที่สุดในสเปนและยุโรปในช่วงครึ่งหลังของไฟต์นี้ชนะสองถ้วยยูฟ่าแชมป์สเปน 5 สมัยติดต่อกันถ้วยสเปน 1 ถ้วยและซูเปอร์คัพสเปน 3สมัย ในช่วงต้นทศวรรษ1990 La Quinta del BuitreแยกตัวหลังจากMartínVázquez,Emilio But PragueñoและMíchelออกจากสโมสร

สำหรับฤดูกาลสุดท้ายของศตวรรษ2542–2543ทีมยังคงนำโดยทหารผ่านศึกรุ่นเก่าเช่นเฟอร์นันโดฮีเอร์โรเฟอร์นันโดเรดอนโดโรแบร์โตคาร์ลอสและราอูลกอนซาเลซ เพิ่มความเป็นจริงความสามารถของหนุ่มสาวรุ่นของเฟอร์นันโด Morientes, กุฏิและIker Casillasโดยการสนับสนุนจากการมาถึงของสตีฟ McManamanและNicolas Anelkaจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษควบคู่ไปกับความสามารถในท้องถิ่นมีแชลซัลกาโด้และอีวานเฮลกอรา

ในฤดูกาลแรกของเดลบอสเกที่คุมเรอัลคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นสมัยที่แปดหลังจากชัยชนะเหนือบาเลนเซีย 3-0 ในรอบชิงชนะเลิศโดยได้ประตูจากมอริเอนเตส,แม็คมานามานและราอูล ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาแห่งความสำเร็จในประวัติศาสตร์ของเรอัลมาดริด 

ศึกสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดบันทึกและสถิติ

ราอูลครองสถิติการลงเล่นของเรอัลมาดริดมากที่สุดโดยลงเล่นทีมชุดแรกไปแล้ว 741 นัดตั้งแต่ปี 1994 ถึง 2010 อิเคร์กาซิยาสลงเล่นเป็นอันดับสองด้วยการลงเล่น 725 นัดตามมาด้วยมานูเอลซานชิสจูเนียร์โดยลงเล่น 710 ครั้ง

Iker Casillas บันทึกสถิติผู้รักษาประตูโดยลงเล่น 725 ครั้ง ด้วย 170 แคป (167 ตอนอยู่ที่สโมสร) เซร์คิโอรามอสเป็นผู้เล่นต่างชาติที่ถูกต่อยอดมากที่สุดของเรอัล คริสเตียโนโรนัลโดเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของเรอัลมาดริดโดยยิงไป 450 ประตู

ผู้เล่นอีกหกคนทำประตูให้ตัวจริงได้มากกว่า 200 ประตู: Alfredo Di Stéfano (1953–64), Santillana (1971–88), Ferenc Puskás (1958–66), Hugo Sánchez (1985–92), คาริมเบนเซมา (ปี 2009 – ปัจจุบัน) และราอูลเจ้าของสถิติดาวซัลโวคนก่อน

(1994–2010) โรนัลโด้ยังถือบันทึกสำหรับที่สุดกลุ่มเป้าหมายคะแนนในหนึ่งฤดูกาล (48 ใน 2014-15) ควบคู่ไปกับการเป็นผู้ทำประตูสูงสุดจริงของเวลาทั้งหมดในประวัติศาสตร์ลาลีกากับ 311 เป้าหมาย 49 ประตูของ Di Stéfanoจาก 58 นัดถือเป็นการทำประตูสูงสุดตลอดกาลในการแข่งขันฟุตบอลยุโรปมานานหลายทศวรรษ

จนกระทั่งราอูลแซงหน้าไปในปี 2005 และตอนนี้คริสเตียโนโรนัลโดเก็บไป 105 ประตู ยิงประตูที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร (12 วินาที) โดยโรนัลโด้ชาวบราซิลเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ระหว่างการแข่งขันลีกกับแอตเลติโกมาดริด สโมสรยังมีสถิติในการคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ/ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกถึงสิบสามครั้ง

และลงเล่นรอบรองชนะเลิศมากที่สุด ในเดือนธันวาคม 2019 คริสเตียโนโรนัลโดเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกโดยทำประตูรวม 128 (129 ประตูรวมรอบคัดเลือก),105 ประตูขณะเล่นให้เรอัลมาดริด ทีมมีจำนวนการเข้าร่วมในถ้วยยุโรปติดต่อกันเป็นประวัติการณ์(ก่อนที่จะกลายเป็นแชมเปียนส์ลีก) โดยมี 15 คนตั้งแต่ปี 1955-56 ถึงปี 1969–70 ในบรรดาสถิติในสนามของสโมสรคือการชนะ 22 เกมติดต่อกันในทุกการแข่งขันระหว่างฤดูกาล 2014–15

ซึ่งเป็นสถิติของสเปนและอันดับสี่ของโลก ในฤดูกาลเดียวกันทีมชนะ – สตรีคสำหรับเกมในแชมเปียนส์ลีกด้วยสิบ ในเดือนกันยายน 2017 สโมสรนี้มีสถิติเทียบเท่ากับซานโตสของสโมสรบราซิลที่นำแสดงโดยเปเล่โดยทำคะแนนได้ 73 เกมติดต่อกัน

ในเดือนมิถุนายน 2009 สโมสรทำลายสถิติของตัวเองสำหรับค่าธรรมเนียมการโอนสูงสุดที่เคยจ่ายในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโดยเห็นพ้องที่จะจ่ายแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด€ 94 ล้าน ( £ 80 ล้านบาท) สำหรับการบริการของ Cristiano โรนัลโด้ ค่าธรรมเนียม 77.5 ล้านยูโร (100 พันล้านลีร์) สำหรับการย้ายซีเนอดีนซีดานจากยูเวนตุสไปเรอัลมาดริดในปี 2544 เป็นค่าธรรมเนียมการโอนที่สูงที่สุดก่อนหน้านี้ที่เคยจ่าย บันทึก (ในปอนด์สเตอร์ลิง) ต่อมาติดตามอ่าน สโมสรฟุตบอลแอทเลติกบิลบาโอ

ติดต่อเราได้ที่ : @LINE