ฟุตบอลทีมชาติโครเอเชีย ทีมม้ามืดของการแข่งขันในปี 2022
ฟุตบอลทีมชาติโครเอเชีย (อังกฤษ: Croatia national football team; โครเอเชีย: Hrvatska nogometna reprezentacija) เป็นฟุตบอลทีมชาติจากประเทศโครเอเชีย ภายใต้การดูแลของสหพันธ์ฟุตบอลโครเอเชีย เคยเข้าร่วมฟุตบอลโลก 5 ครั้ง และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 6 ครั้ง
ในฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ทีมชาติโครเอเชียสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการเข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก โดยในรอบรองชนะเลิศเอาชนะทีมชาติอังกฤษไป 2-1 โดยก่อนหน้านี้ผลงานที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกคือ ได้ที่ 3 ในปี ค.ศ. 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยเอาชนะเนเธอร์แลนด์ไปได้ 1–2 ในรอบชิงที่ 3
ฟุตบอลทีมชาติโครเอเชีย ประวัติการแข่งขัน
สมาพันธ์ฟุตบอลโครเอเชียก่อตั้งในวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 1912 ในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งโครเอเชีย เป็นประเทศที่เกิดใหม่ช่วงที่เป็นรัฐอิสระระหว่างปี ค.ศ. 1940–ค.ศ. 1945 ได้ผนวกรวมตัวกับประเทศยูโกสลาเวีย
จึงแยกตัวออกมาเป็นรัฐอิสระในปี ค.ศ. 1990 ทำให้ในยุคแรกนักฟุตบอลทีมชาติโครเอเชียจะเป็นนักฟุตบอลทีมชาติยูโกสลาเวียมาก่อน โดยนัดสุดท้ายที่นักฟุตบอลทั้ง 2 ชาติเล่นร่วมกันในนามทีมชาติยูโกสลาเวีย คือ การพบกับสวีเดน เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1991 และเข้าเป็นสมาชิกฟีฟ่าในปลายปี ค.ศ. 1992 และได้รับการจัดอันดับเป็นครั้งแรกจากฟีฟ่าให้เป็นที่ 125 ของโลก เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1994
ลักษณะเด่นของทีมชาติโครเอเชีย คือ ชุดที่สวมใส่ที่มีลายตารางหมากรุกสีขาวสลับแดง โดยสวมกางเกงขาว ถุงเท้าสีน้ำเงิน ขณะที่ชุดทีมเยือนจะเป็นสีน้ำเงินเข้มทั้งชุด มีแถบสามเหลี่ยมตาหมากรุกสีแดงจากคอและไหล่ซ้ายลงมาถึงแนวต่อของแขนเสื้อ ซึ่งทำให้ได้รับฉายาว่า “Vatreni” แปลว่า “เปลวไฟ” ขณะที่ฉายาในภาษาไทยจะเรียกว่า “ทีมตาหมากรุก” หรือ “หมากรุกพิฆาต”
ฟุตบอลทีมชาติโครเอเชีย จุดเริ่มต้นของการแข่งขัน
ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 หรือยูโร 2016 ที่ฝรั่งเศส โครเอเชียอยู่ในกลุ่มดี ร่วมกับ สเปน (แชมป์เก่า), ตุรกี และสาธารณรัฐเช็ก โครเอเชียได้ผ่านเข้าไปสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นรอบการแข่งขันที่แพ้แล้วคัดออก ด้วยคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีผลงานเด่น คือ เอาชนะสเปน ซึ่งเป็นแชมป์เก่าและถูกมองว่าเหนือกว่าได้ 1–2 ในนัดสุดท้ายของรอบแรก
ในฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย โครเอเชียอยู่ในกลุ่ม ดี ร่วมกับไนจีเรีย, อาร์เจนตินา และทีมชาติร่วมทวีปเดียวกันอย่างไอซ์แลนด์ โครเอเชียทำผลงานในรอบแบ่งกลุ่มได้ดีโดยเอาชนะได้ทั้งสามนัด ได้แก่ ชนะไนจีเรีย 2–0 ชนะอาร์เจนตินา 3–0 และชนะไอซ์แลนด์ 2–1 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โครเอเชียเสมอกับเดนมาร์กในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1–1 และสามารถเอาชนะการยิงลูกโทษไปได้ 3–2 ต่อมาในรอบก่อนรองชนะเลิศ โครเอเชียเสมอในช่วงต่อเวลาพิเศษอีกครั้งกับเจ้าภาพอย่างรัสเซีย 2–2 สุดท้ายสามารถเอาชนะการยิงลูกโทษ 4–3 ต่อมาในรอบรองชนะเลิศ โครเอเชียสามารถเอาชนะอังกฤษในช่วงต่อเวลาพิเศษไปได้ 2–1 และในรอบชิงชนะเลิศ โครเอเชียพ่ายแพ้ต่อฝรั่งเศส 4–2 ทำให้จบเพียงรองชนะเลิศ แต่นั่นก็ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกของโครเอเชีย
ฟุตบอลทีมชาติโครเอเชียความหมายของตราหมากรุกบนเสื้อกีฬา
ชุดแข่งขันของโครเอเชียได้ถูกออกแบบใน ปี ค.ศ. 1990 โดยจิตรกร มิโรสลาฟ ซูเตจ์ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบตราแผ่นดิน แม้ว่าจะถูกดัดแปลงเล็กน้อยโดยล็อตโต (ในปี ค.ศ. 1998 ตาหมากรุกได้ย้ายไปอยู่ด้านขวา ขณะที่ด้านซ้ายเป็นสีขาวล้วน) และไนกี้ ตั้งแต่ดั้งเดิม ตาหมากรุกถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของเอกลักษณ์ของชาติและการออกแบบที่คล้ายกันถูกนำมาใช้ในการแข่งขันกีฬาระดับโลกทั้งหมดของทีมชาติโครเอเชีย
ลายตารางหมากรุกสีแดงกับสีขาว ที่ปรากฏอยู่บนตราแผ่นดินและธงชาติของโครเอเชีย และมันก็คือที่มาของฉายา “ทีมตราหมากรุก” ของฟุตบอลทีมชาติโครเอเชีย ที่แฟนบอลคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 อาณาจักรโครเอเชียถูกปกครองโดยกษัตริย์นามว่า สตีเฟน ดริซีสสลาฟ (Stephen Držislav) ในตอนนั้น โครเอเชียได้ทำสงครามกับสาธารณรัฐเวนิส เพื่อแย่งชิงทะเลเอเดรียติก ทั้งสองทำสงครามนานหลายปี แต่ก็ไม่สามารถหาข้อยุติกันได้
จนกระทั่งวันหนึ่ง กษัตริย์ดริซีสสลาฟของโครเอเชีย กับปีเอโตรที่ 2 ออร์เซโอโล (Pietro II Orseolo) ผู้นำของเวนิส ก็ได้เกิดนึกไอเดียในการยุติสงคราม นั่นก็คือการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย จะถูกย้ายจากสนามรบอันนองเลือด มาเป็นการต่อสู้ในกีฬาหมากรุกแทน
หมากรุกจะถูกเล่นกันทั้งหมด 3 เกม โดยผู้ที่ชนะจะได้เป็นผู้ชนะในสงคราม และได้ครอบครองทะเลเอเดรียติกแต่เพียงผู้เดียว ผลปรากฏว่า ชัยชนะก็ได้ตกเป็นของกษัตริย์ดริซีสสลาฟ
และเพื่อรำลึกถึงชัยชนะในครั้งนั้น กษัตริย์โครเอเชียในรุ่นต่อๆ มา จึงเลือกกระดานหมากรุกสีแดงกับสีขาว มาเป็นตราแผ่นดิน เพื่อสื่อถึงความภาคภูมิใจของชาวโครเอเชีย
แม้เวลาต่อมา ความสำคัญของตารางหมากรุกแห่งโครเอเชียจะถูกลดลงไป เนื่องจากพวกเขาถูกควบรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐชาติที่ยิ่งใหญ่กว่า ทั้ง จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี และประเทศยูโกสลาเวีย แต่หลังจากปี 1991 ที่ประเทศโครเอเชียประกาศตนเป็นเอกราช สรุปผลการแข่งขัน
ฟุตบอลทีมชาติโครเอเชียนักแตะที่โด่งดัง
การแข่งขันฟุตบอลโลก รองชนะเลิศ: 2018 อันดับที่สาม: 1998
ถ้วยรางวัลฮัสซันที่สอง ชนะเลิศ: 1996 คิรินคัพ รองชนะเลิศ: 1997 โคเรียคัพ ชนะเลิศ: 1999 คาลส์เบิร์กคัพ อันดับที่สาม: 2006
รางวัลอื่นๆ Best Mover of the Year ใน1994 และ1998
ทีมนักแตะ ลูกา โมดริช กองกลางกัปตันทีมยังคงเป็นแกนหลักของทีมชุดนี้ เช่นเดียวกับนักเตะอย่าง อิวาน เปริซิช, เดยัน ลอฟเรน, มาร์เซโล โบรโซวิช รวมถึง มาเตโอ โควาซิช
- ผู้รักษาประตู โดมินิค ลิวาโควิช, ดินาโม ซาเกร็บ, อิวิก้า อิวูซิช, อิโว เกอร์บิช
- กองหลัง โยซิป สตานิซิช, บอร์นา บาริซิช, โจซิป ซูตาโล, เดยัน ลอฟเรน, บอร์นา โซซา, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, โดมากอย วิด้า, โยซิป ยูราโนวิช, มาร์ติน เออร์ลิช
- กองกลาง ลอฟโร เมเยอร์, มาเตโอ โควาซิช, ลูกา โมดริช, มาร์เซโล โบรโซวิช, มาริโอ ปาซาลิช
, นิโกลา วลาซิช, ลูกา ซูซิช, คริสเตียน ยาคิช - กองหน้า อิวาน เปริซิช, อังเดร ครามาริช, มาร์โก ลิวายา, บรูโน เพตโควิช, มิโลสลาฟ ออร์ซิช
ข่าวสารที่น่าสนใจ >> แทงไก่ชนออนไลน์
อ่านข่าวบอลอื่นๆเพิ่มเติม : ดูบอลออนไลน์
ติดต่อเราได้ที่ : @VIP123s